วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ศรัทธาก็ต้องมีปัญญาประกอบ

พระพุทธเจ้าท่านเป็นศาสดาสอนเพื​่อให้คนพ้นทุกข์
ไม่ได้สอนให้ใครมาเคารพ ไม่ได้สอนให้มานับถือ

จึงไปตรงกับคำสอนที่หลวงปู่เคยก​ล่าวบอกเอาไว้

เคยดูในคลิป ในเรื่องคือ มีญาติโยม มากราบด้วยความเลื่อมใส ศรัทธาหลวงปู่
คือมากราบด้วยการประมาณว่า โหยๆ หลวงปู่ สุดยอด เด็ดขาด ชอบมาก
คือเลื่อมใสในสิ่งอันไม่เป็นวัต​ถุ.(เลื่อมใสในเรื่องที่ไม่เป็น​เรื่อง)

หลวงปู่บอกประมาณว่า ไม่ได้ เจ้าต้องได้ประโยชน์ก่อน เจริญก่อน คือ
เห็นคุณ ได้คุณก่อน จึงจะเกิดความเลื่อมใสได้ ไม่ใช่อยู่ๆมา กราบเอาๆ กราบแล้ว กราบอีก

เลื่อมใส ศรัทธา นั้น ต้องเห็นผล หรือประโยชน์ หรือคุณที่ได้รับแล้ว
ความเจริญจักเกิด แก่ตน แก่ครอบครัวก่อน จึงเป็นความเลื่อมใส ศรัทธาที่มีปัญญาประกอบ
__________________________

ไปเข้ากับเรื่อง ศรัทธาก็ต้องมีปัญญาประกอบ
ถ้าจะถือแต่จิต....อันตรายมาก เล่ม 30 หน้า 282
http://www.samyaek.com/tripido​k/book30/251_300.htm

ก็โดยเฉพาะในอินทรีย์ ๕ นี้ บัณฑิตทั้งหลาย

สรรเสริญอยู่ซึ่งความเสมอกันแห่​งสัทธา (ความเชื่อ) กับปัญญาและสมาธิกับวิริยะ.

เพราะคนมีสัทธาแก่กล้าแต่ปัญญาอ​่อน จะเป็นคนเชื่อง่าย
เลื่อมใสในสิ่งอันไม่เป็นวัตถุ.​(เลื่อมใสในเรื่องที่ไม่เป็นเรื​่อง)

ส่วนคนมีปัญญากล้า แต่สัทธาอ่อน จะตกไปข้างอวดดี จะเป็นคนแก้ไขไม่ได้
เหมือนโรคที่เกิดแต่ยา รักษาไม่ได้ ฉะนั้น วิ่งพล่านไป ด้วยคิดว่า
จิตเป็นกุศลเท่านั้นก็พอ ดังนี้แล้ว ไม่ทำบุญมีทานเป็นต้น ย่อมเกิดในนรก.

ต่อธรรมทั้ง ๒ เสมอกัน บุคคลจึงจะเลื่อมใสในวัตถุแท้.
___________________________

อ่านแบบเต็มสูตรตามที่ได้ ระบุ เล่ม หน้า และใส่ลิ้งไว้ให้แล้ว